เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท
E (Employee) - ลูกจ้าง
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ
- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
- ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
B (Business Owner)
- เจ้าของธุรกิจ
- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
- ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท
- บริษัท
- แฟรนไซน์
- การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)
S (Self-employed)
- ทำธุรกิจส่วนตัว
- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
- ขาดประสบการณ์
- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ
I (Investor)
- นักลงทุน
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ(ต่อ)หลายคนฝันที่จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองแต่ไม่เคยเริ่มสักที เพราะกลัวความ ล้มเหลว อีกหลายคนฝันว่าจะรวยแต่ไม่ลงมือทำ
การศึกษาในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำงานจริงสำคัญกว่า การเริ่มทำธุรกิจนอกเวลาเรียน หรือคู่งานประจำจะสอน ให้คุณเรียนรู้ทักษะ และความรู้ทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น
1 ทักษะการสื่อสาร
2 ทักษะการเป็นผู้นำ
3 ทักษะการทำงานเป็นทีม
4 ทักษะการบริหารจัดการ และ อื่นๆ
- ทักษะหรือความรู้เหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากชั้นเรียนพิเศษหรือตำรา ธุรกิจ network maketing จะให้สิ่งเหล่านี้ เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ และเป็นกุญแจสู่การเป็นเศรษฐีลูกจ้าง
- จะเปิดหนังสือพิมพ์หน้าสมัครงานเพื่อหางานประจำทำโดยอัตโนมัติ คนทำธุรกิจส่วนตัว
- จะหาอะไรมาขายหรือทำธุรกิจของตนเองเพื่อให้มีรายได้ เจ้าของกิจการ
– คิดสร้างหรือซื้อธุรกิจที่เป็น network ที่สามารถทำเงินให้ได้ นักลงทุน
– จะมองหาทรัพย์สินเพื่อผลิตรายได้ และใช้เงินทำงานแทนคุณล่ะ...อยากอยู่ในจุดไหน...
ที่มา : หนังสือเงิน 4 ด้าน ของโรเบริ์ต คิโยซากิ