วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

E (Employee) - ลูกจ้าง


- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน

- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย

- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ

- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร

- ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)

- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ





B (Business Owner)

- เจ้าของธุรกิจ

- มีทุน

- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้

- ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท

- บริษัท

- แฟรนไซน์

- การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)





S (Self-employed)


- ทำธุรกิจส่วนตัว

- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน


- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง


- ขาดประสบการณ์

- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า

- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ





I (Investor)

- นักลงทุน

- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน

- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย

- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ(ต่อ)หลายคนฝันที่จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองแต่ไม่เคยเริ่มสักที เพราะกลัวความ ล้มเหลว อีกหลายคนฝันว่าจะรวยแต่ไม่ลงมือทำ


การศึกษาในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำงานจริงสำคัญกว่า การเริ่มทำธุรกิจนอกเวลาเรียน หรือคู่งานประจำจะสอน ให้คุณเรียนรู้ทักษะ และความรู้ทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น


1 ทักษะการสื่อสาร

2 ทักษะการเป็นผู้นำ

3 ทักษะการทำงานเป็นทีม


4 ทักษะการบริหารจัดการ และ อื่นๆ


- ทักษะหรือความรู้เหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากชั้นเรียนพิเศษหรือตำรา ธุรกิจ network maketing จะให้สิ่งเหล่านี้ เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ และเป็นกุญแจสู่การเป็นเศรษฐีลูกจ้าง

- จะเปิดหนังสือพิมพ์หน้าสมัครงานเพื่อหางานประจำทำโดยอัตโนมัติ คนทำธุรกิจส่วนตัว

- จะหาอะไรมาขายหรือทำธุรกิจของตนเองเพื่อให้มีรายได้ เจ้าของกิจการ

– คิดสร้างหรือซื้อธุรกิจที่เป็น network ที่สามารถทำเงินให้ได้ นักลงทุน


– จะมองหาทรัพย์สินเพื่อผลิตรายได้ และใช้เงินทำงานแทนคุณล่ะ...อยากอยู่ในจุดไหน...








ที่มา : หนังสือเงิน 4 ด้าน ของโรเบริ์ต คิโยซากิ