วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

8 วินัยใหม่เพิ่มเงินเก็บทั้งปี

คนที่มีฐานะมั่นคงไม่ได้หมายความว่าเป็นคนหาเงินได้เยอะ แต่กลับเป็นคนที่มีวินัยในการเก็บเงินและไม่เสียเงินไปกับเรื่องจุกจิกจนทำให้เงินเก็บสูญไป ปีนี้ตั้งต้นเก็บเงินกันใหม่ดีกว่า
1. เคลียร์ให้จบสิ้นก่อน เป็นกฎทองของการเก็บเงินที่คุณควรจะเคลียร์หนี้สินที่ติดไว้กับบัตรเครดิตให้จบลงเสียก่อน เพราะแม้ว่าเครดิตการ์ดจะเป็นช่องทางจ่ายเงินที่สะดวกสบาย แต่ถ้าบิลที่เรียกเก็บทำให้การเงินของคุณไม่สมดุลกันระหว่างเดือน รับรองว่าคุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บแน่นอน ทางแก้ก็คือค่อยๆ ผ่อนชำระหรือหาเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่าโปะทับไปก่อนที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะบานเป็นดอกเห็ด
2. ทำช้อปปิ้งลิสต์คงไม่มีสาวคนไหนจะมานั่งทำช้อปปิ้งลิสต์เวลาไปซื้อของ แต่คุณรู้ไหมว่าลิสต์นี้จะทำให้คุณประหยัดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาในการช้อปปิ้ง การซื้อของตรงวัตถุประสงค์ และกำหนดเงินในกระเป๋าได้ว่าจะต้องใช้จ่ายเท่าไรบ้างในการซื้อของครั้งนี้ จะได้งดซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไป รวมทั้งกำหนดเลยว่าในหนึ่งเดือนจะต้องออกไปซื้อของกี่ครั้ง จะได้ประหยัดค่ารถไปในตัว
3. อย่าติดชื่อแบรนด์ แม้คนดังจะใส่เสื้อผ้าแพงระยับอย่างไร แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องซื้อแบรนด์ดังๆ อย่างพวกเขาก็ได้ เพียงคุณดูแฟชั่นและแต่งตัวให้เป็นก็เพียงพอแล้ว อย่าไปเสียงเงินไปแบรนด์ต่างๆ จนต้องมานั่งกลุ้มใจเอง
4. ใช้พรสวรรค์สร้างเงิน ไม่ว่าคุณมีพรสวรรค์ทางด้านไหน ขุดขึ้นมาทำเงินได้แน่นอน บางคนนิยมถักตุ๊กตา ทำอาหาร ทำบล็อกเว็บไซต์ รับสอนหนังสือ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณควรนำความสามารถเหล่านี้เป็นจุดขายในการสร้างเงิน เพิ่มรายได้พิเศษได้เดือนละหลายพันบาททีเดียว
5. ทำของใช้เองบ้าง ไม่ต้องเงินเสียทองไปซื้อของลองใช้วิธี Do It Yourself ลองประดิษฐ์ของใช้ในบ้านเอา เช่น แท่นวางของ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน นอกจากจะได้โชว์ฝีมือแล้วยังไม่เปลืองเงินอีกด้วย
6. วางแผนการท่องเที่ยว คุณทราบมั้ยว่าถ้าคุณจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักก่อนเทศกาลท่องเที่ยว ราคาจะถูกมากถึง 30% ให้คุณแพลนกิจกรรมท่องเที่ยวเอาไว้ทั้งปี และฉลาดในการจัดทริปเพราะเงินจะเหลือจนคุณช้อปปิ้งของฝากได้สบายๆ หรือพยายามหาตั๋วที่มีส่วนลด ราคาจะได้ไม่บานปลายเหมือนที่ผ่านมา
7. หัดปฏิเสธเสียบ้างสาวสังคมทั้งหลายยิ่งช่วงปีใหม่หรรษาแบบนี้ เรื่องกินเรื่องเที่ยวกระหน่ำเข้ามาแทบทุกวัน หัดปฏิเสธและเลือกไปเฉพาะบางงาน เพราะคุณต้องเสียค่าดริ๊งค์ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ รวมๆ แล้วนำมาเป็นเงินเก็บหรือใช้หนี้ได้อย่างสบายๆ
8. ฉลาดเป็นสมาชิก คุณเคยนับยอดมั้ยว่าเดือนหนึ่งคุณจะต้องเสียค่าสมาชิกยิม เคเบิลทีวี อินเทอร์เนตไร้สาย ฯลฯ เป็นจำนวนเท่าไร ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดภาระรายจ่ายจุดนี้ลงบ้าง เพราะคุณสามารถออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมแนวเดียวกันโดยเสียเงินน้อยกว่าได้

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552

Bait & Switch

ทำไมพวกห้างค้าปลีกชอบจัดรายการ 1 แถม 1
ยุคนี้มองไปทางไหนก็มีแต่รายการ ซื้อ 1 แถม 1, สังเกตดีๆ ไอ้ สินค้าที่เอามาจัดรายการซื้อ 1 ชิ้น แถม 1 ชิ้น มักจะเป็นสินค้าที่ยี่ห้อไม่เป็นที่รู้จัก หรือไม่ก็เป็นสินค้าที่เราๆ ไม่ค่อยซื้อใช้เท่าไรนัก จะหาสินค้ายี่ห้อดัง หรือสินค้าจำเป็นพวกข้าวสาร ผงซักฟอก ดูจะไม่ค่อยมี กลยุทธ์ที่ห้างค้าปลีกนิยมเอามาใช้ รูปแบบนี้ เค้าเรียกว่า bait and switch หรือ กลยุทธ์ใช้เหยื่อตกเบ็ด จุดประสงค์ก็เพื่อดึงดูดคนให้แห่เข้ามาที่ร้าน โดยใช้รายการ 1 แถม 1 เป็นเหยื่อล่อ พอลูกค้าเข้ามาเยอะโอกาสที่จะได้ซื้อสินค้าตัวอี่นๆ ในร้านติดมือกลับไปด้วยก้มีมากขึ้นไงล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2552

Link Save

เวลาเดินเข้าร้านประเภทเฮลธ์แอนด์บิวตี้(ร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม) อย่างบูทส์ หรือ วัตสัน เรามักจะเห็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ประเภท ซื้อชิ้น แรกราคาเท่านี้บาท มีสิทธ์แลกซื้อชิ้นที 2 ในราคาพิเศษ หรือ ซื้อครบ สองชิ้น แลกซื้อสินค้าอื่นได้ ในราคาพิเศษ กลยุทธ์แบบนี้ เรียก Link Save โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยอาจเป็นสินค้า ชนิดเดิมหรือสินค้าต่างชนิดกัน กลยุทธ์แบบนี้ ใช้ได้ผลค่อนข้างดีเนื่องจากลูกค้ามีความรู้สึกว่าได้ซื้อของถูกลง

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

Sensory marketing

เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมร้านกาแฟหัวนอก starbuck ถึงได้ขยับขยายไปได้ทั่วโลกโดยขายกาแฟแก้วละ ร้อยกว่าบาท ทั้งๆที่เงินมูลค่าเท่ากันซื้อชุดอาหาร fast food ได้ 1 มื้อ
ทำไมคนถึงยอมจ่ายเพื่อกาแฟแก้วเดียว starbuck เลือกที่จะใช้กลยุทธ์ sensory marketing โดยให้ลูกค้าได้ดื่มดำกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จากโสตประสาททั้ง ห้า ผ่าน การตกแต่งสถาณที่ให้ดูผ่อนคลาย อบอุ่น เลือกการใช้สีในโทนนำตาล กลิ่นของกาแฟคั่วบดที่หอมไปทั่วร้าน เสียงเพลง Bosanova Jazz ขับกล่อมให้กับลูกค้า การอบรมให้ barista (ผู้ให้บริการ) จดจำลักษณะพิเศษของลูกค้าแต่ละคนเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสความประทับใจของการบริการ ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว ผู้คนทั้วโลกจึงยินดีควักกระเป๋าค่าข้าวหนึ่งมื้อเพื่อแลกกับความรื่นรมย์ในการดื่มกาแฟเพียง 1 แก้ว

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

7 วิธีประหยัดในการช็อปปิ้งดิสเคานต์สโตร์

ยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้ เรามาเรียนรู้ 7 เทคนิคการช็อปปิ้งแบบประหยัดกันดีกว่า

1.List ก่อนย่างเท้าเข้าห้างค้าปลีกทั้งหลาย ขอให้ถือรายการสิ่งที่ต้องซื้อไว้ในมือไว้ให้มั่น หลีกหลี่ยงอาการซื้อสินค้าทีไม่จำเป็นติดมือมา

2.Location เลือกซื้อสินค้าจากห้างที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคู่แข่งเยอะๆ เพราะราคาสินค้าจะถูกปรับลงเพื่อแข่งกับคู่แข่งในบริเวณใกล้เคียง


3.Time เลือกซื้อสินค้าในช่วงเวลาหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะพวกห้างๆทั้งหลายจะเริ่มลดราคาสินค้าบางประเภททีมีอายุการขายสั้น แต่ยังไม่หมดอายุลงประมาณ 50-70%


4.Sharing ถ้าเป็นไปได้พยายามหาเพื่อนบ้านไปช็อปปิ้งด้วยกัน เพื่อจะได้ช่วยกันประหยัดกรณีซื้อสินค้า แบบ 1แถม 1 หรือ ซื้อ 2 ชิ้นถูกกว่า ใช้วิธี Volume Discount


5.Packaging สำหรับสินค้าที่ใช้เป็นประจำเช่น สบู่ ยาสีฟัน กระดาษทิชชู ควรเลือกซื้อขนาดใหญ่ ไปดีกว่า เพื่อความคุ้มค่าในเม็ดเงิน อย่าลืมว่ายิ่งซิ้อสินค้าชิ้นเล็กเท่าไร เมื่อเทียบเม็ดเงินต่อปริมาตรจะพบว่าแพงกว่ากันเยอะ


6.Housebrand สินค้าที่ผลิตภายใต้ตราสินค้าของห้างบางชนิดก็มีคุณภาพทัดเทียมกับสินค้ามียี่ห้อ แต่ราคาถูกกว่า การเลือกใช้บ้างก็เป็นวิธีประหยัดอย่างหนึ่ง


7.Promotion อย่าหลงกลสินค้าบางอย่างนำมาตั้งกองจัดโปรโมชั่นบ้างทีก็ไม่ได้ถูกลงซักเท่าไร ในทางตรงกันข้ามหมั่นมองสินค้าที่อยู่บนชั้นวางบางรายการผู้ผลิตยกเลิกขายแต่สต็อคสินค้ามีน้อย ก็มักจะทำป้ายแดงบนชั้นวางแทน บางรายการลดกันถึง 80%

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

Horizontal Marketing Strategy

กลยุทธ์การตลาดแนวราบ เป็นการดึงเอาศักยภาพของคู่ค้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการทำตลาด พูดง่ายๆ คือ หาพันธมิตรร่วมกันในการทำตลาดให้กับสินค้าของแต่ละองค์กรโดยสินค้าไม่ใช่สินค้าประเภทเดียวกันหรือใช้ร่วมกันแต่ว่าเจาะกลุ่มลุกค้าเดียวกัน เช่น ธุรกิจสปาอาจจะไปร่วมทำตลาดกับกลุ่มสายการบินเพื่อได้ฐานลูกค้าต่างชาติ หรือ กรณีการทำตลาดของซิมอินเตอร์ของทรูมูฟ ร่วมกับสายการบิน แอร์เอเชีย เพื่อเจาะลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทกระเป๋าไม่หนัก ก็ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดแนวราบ ได้เช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

E (Employee) - ลูกจ้าง


- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน

- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย

- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ

- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร

- ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)

- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ





B (Business Owner)

- เจ้าของธุรกิจ

- มีทุน

- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้

- ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท

- บริษัท

- แฟรนไซน์

- การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)





S (Self-employed)


- ทำธุรกิจส่วนตัว

- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน


- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง


- ขาดประสบการณ์

- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า

- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ





I (Investor)

- นักลงทุน

- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน

- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย

- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ(ต่อ)หลายคนฝันที่จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองแต่ไม่เคยเริ่มสักที เพราะกลัวความ ล้มเหลว อีกหลายคนฝันว่าจะรวยแต่ไม่ลงมือทำ


การศึกษาในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำงานจริงสำคัญกว่า การเริ่มทำธุรกิจนอกเวลาเรียน หรือคู่งานประจำจะสอน ให้คุณเรียนรู้ทักษะ และความรู้ทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น


1 ทักษะการสื่อสาร

2 ทักษะการเป็นผู้นำ

3 ทักษะการทำงานเป็นทีม


4 ทักษะการบริหารจัดการ และ อื่นๆ


- ทักษะหรือความรู้เหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากชั้นเรียนพิเศษหรือตำรา ธุรกิจ network maketing จะให้สิ่งเหล่านี้ เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ และเป็นกุญแจสู่การเป็นเศรษฐีลูกจ้าง

- จะเปิดหนังสือพิมพ์หน้าสมัครงานเพื่อหางานประจำทำโดยอัตโนมัติ คนทำธุรกิจส่วนตัว

- จะหาอะไรมาขายหรือทำธุรกิจของตนเองเพื่อให้มีรายได้ เจ้าของกิจการ

– คิดสร้างหรือซื้อธุรกิจที่เป็น network ที่สามารถทำเงินให้ได้ นักลงทุน


– จะมองหาทรัพย์สินเพื่อผลิตรายได้ และใช้เงินทำงานแทนคุณล่ะ...อยากอยู่ในจุดไหน...








ที่มา : หนังสือเงิน 4 ด้าน ของโรเบริ์ต คิโยซากิ